ประวัติส่วนตัว
ชื่อ นางสาวอรอุมา ชนะดี
ชื่อเล่น แอม
เกิด 17 ธันวาคม 2530
ชอบ สีฟ้า สีขาว
อาหารจานโปรด ไก่ย่างห้าดาว ส้มตำ
อนาคต อาจารย์รัฐศาสตร์
คติ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
ศึกษาอยู่ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
คณะ วิทยาลัยการเมืองการปกครอง
ชั้นปีที่3
E-mail e_am_555@hotmail.com

Shopping Cart, ร้านค้าสำเร็จรูป, ร้านค้าออนไลน์, E-Commerce ราคาถูก ใช้ง่าย
คุณสมบัติเด่น ของ ร้านค้าสำเร็จรูป ร้านค้าออนไลน์ ราคาถูก ใช้งานง่าย มีระบบ shopping cart และีระบบวิจารณ์สินค้า เพื่อช่วยในการตัดสินใจซื้อสินค้าออนไลน์ของลูกค้า และร้านค้าสำเร็จรูปของเรายังมีระบบบริหารจัดการ ผู้ดูแลระบบ และลูกเล่นอื่นๆ อีกมากมาย ร้านค้าสำเร็จรูป (ร้านค้าออนไลน์) คืออะไร เป็น E-commerce ที่มีระบบ shopping cart และมีรูปแบบเว็บไซต์ (Template) ซีงออกแบบมาอย่างสวยงาม พร้อมใช้งาน ซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องการทำเว็บไซต์เลย เพราะการทำเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ง่ายนิดเดียว แถมราคาถูก และใช้งานได้ง่ายอีกด้วย ร้านค้าออนไลน์ (E-commerce) เหมาะกับใคร ผู้ที่สนใจอยากเปิดร้านค้าออนไลน์ มีกิจการร้านค้าเป็นของตัวเอง ร้านค้าสำเร็จรูป เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ และเป็นที่นิยมในยุคปัจจุบัน ซึ่งมีราคาถูก หากสนใจขายสินค้าออนไลน์ ก็ทำได้ง่ายๆ เพราะร้านค้าสำเร็จรูปของเราใช้งานง่าย เพียงแค่ติดต่อเรา
ประเภทของ E-Commerce
ผู้ประกอบการ กับ ผู้บริโภค (Business to Consumer - B2C)คือการค้าระหว่างผู้ค้าโดยตรงถึงลูกค้าซึ่งก็คือผู้บริโภค เช่น การขายหนังสือ ขายวีดีโอ ขายซีดีเพลงเป็นต้น
ผู้ประกอบการ กับ ผู้ประกอบการ (Business to Business – B2B) คือการค้าระหว่างผู้ค้ากับลูกค้าเช่นกัน แต่ในที่นี้ลูกค้าจะเป็นในรูปแบบของผู้ประกอบการ ในที่นี้จะครอบคลุมถึงเรื่อง การขายส่ง การทำการสั่งซื้อสินค้าผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบห่วงโซ่การผลิต (Supply Chain Management) เป็นต้น ซึ่งจะมีความซับซ้อนในระดับต่างๆกันไป
ผู้บริโภค กับ ผู้บริโภค (Consumer to Consumer - C2C) คือการติดต่อระหว่างผู้บริโภคกับผู้บริโภคนั้น มีหลายรูปแบบและวัตถุประสงค์ เช่นเพื่อการติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร ในกลุ่มคนที่มีการบริโภคเหมือนกัน หรืออาจจะทำการแลกเปลี่ยนสินค้ากันเอง ขายของมือสองเป็นต้น
ผู้ประกอบการ กับ ภาครัฐ (Business to Government – B2G) คือการประกอบธุรกิจระหว่างภาคเอกชนกับภาครัฐ ที่ใช้กันมากก็คือเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ หรือที่เรียกว่า e-Government Procurement ในประเทศที่มีความก้าวหน้าด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แล้ว รัฐบาลจะทำการซื้อ/จัดจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นส่วนใหญ่เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย เช่นการประกาศจัดจ้างของภาครัฐในเว็บไซต์
ภาครัฐ กับ ประชาชน (Government to Consumer -G2C)ในที่นี้คงไม่ใช่วัตถุประสงค์เพื่อการค้า แต่จะเป็นเรื่องการบริการของภาครัฐผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทยเองก็มีให้บริการแล้วหลายหน่วยงาน เช่นการคำนวณและเสียภาษีผ่านอินเทอร์เน็ต, การให้บริการข้อมูลประชาชนผ่านอินเทอร์เน็ต เป็นต้น เช่นข้อมูลการติดต่อการทำทะเบียนต่างๆของกระทรวงมหาดไทย ประชาชนสามารถเข้าไปตรวจสอบว่าต้องใช้หลักฐานอะไรบ้างในการทำเรื่องนั้นๆ และสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มบางอย่างจากบนเว็บไซต์ได้ด้วย

ตัวอย่างเช่น นายสมชายเปิดร้านขายสินค้าโอท็อป ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ทำให้ลูกค้าที่อยู่ต่างประเทศ สามารถเข้ามาดูตัวอย่างสินค้า และติดต่อซื้อขายกันได้ โดยผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์
เทคโนโลยีสารสนเทศที่รุดหน้า ทั้งระบบโทรคมนาคม ระบบคอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ต ทำให้การสื่อสารกันเป็นไปได้โดยง่าย และสามารถเข้าถึงผู้ใช้บริการได้หลายระดับ อีกทั้งยังสามารถโต้ตอบกันได้ทันที ทำให้สามารถเสนอธุรกรรมที่หลากหลาย เช่น การชื้อขาย การบริการหลังการขาย การโอนเงินชำระค่าบริการสินค้า การขนส่ง เป็นต้น โดยมีกฎหมายธุรกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และกฎหมายลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ เข้ามาคุ้มครองเรื่องความปลอดภัย
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือ การผลิต การกระจาย การตลาด การขาย หรือการขนส่งผลิตภัณฑ์ และบริการโดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ (WTO,1998)
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือ ขบวนการที่ใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อทำธุรกิจที่จะบรรลุเป้าหมายขององค์กร พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ใช้เทคโนโลยีประเภทต่าง ๆ และครอบคลุมรูปแบบทางการเงินทั้งหลาย เช่น ธนาคารอิเล็กทรอนิกส์, การค้าอิเล็กทรอนิกส์, อีดีไอหรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์, ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์, โทรสาร, แคตตาล็อคอิเล็กทรอนิกส์, การประชุมทางไกล และรูปแบบต่าง ๆ ที่เป็นข้อมูลระหว่างองค์กร (ESCAP,1998)
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือ ธุรกรรมทุกรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ทั้งในระดับองค์กร และส่วนบุคคล บนพื้นฐานของการประมวล และการส่งข้อมูลดิจิทัล ที่มีทั้งข้อความ เสียง และภาพ (OECD,1997)
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือ การค้าขายผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต อินเทอร์เน็ตจะเปลี่ยนวิถีทางการดำรงชีวิตของทุกคน อินเทอร์เน็ต จะเปลี่ยนวิธีการศึกษาหาความรู้ อินเทอร์เน็ตจะเปลี่ยนวิธีการทำมาค้าขาย อินเทอร์เน็ตจะเปลี่ยนวิธีการหาความสุขสนุกสนาน อินเทอร์เน็ตจะเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่าง และทุกสิ่งทุกอย่างจะรวมกันเข้ามาหาอินเทอร์เน็ต
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือ การทำธุรกิจทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งขึ้นอยู่กับการประมวล และการส่งข้อมูลที่มีข้อความ เสียง และภาพ ประเภทของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการขายสินค้า และบริการด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์, การขนส่งผลิตภัณฑ์ที่เป็นเนื้อหาข้อมูลแบบดิจิทัลในระบบออนไลน์, การโอนเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์, การจำหน่วยหุ้นทางอิเล็กทรอนิกส์, การประมูล, การออกแบบทางวิศวกรรมร่วมกัน, การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ, การขายตรง, การให้บริการหลังการขาย ทั้งนี้ใช้กับสินค้า (เช่น สินค้าบริโภค, อุปกรณ์ทางการแพทย์) และบริการ (เช่น บริการขายข้อมูล, บริการด้านการเงิน, บริการด้าน กฎหมาย) รวมทั้งกิจการทั่วไป (เช่น สาธารณสุข, การศึกษา, ศูนย์การค้าเสมือน (Virtual Mall) (European union,1997)
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic commerce) หรือ อี-คอมเมิร์ช (E-Commerce) คือ การทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในทุกช่องทางที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การซื้อขายสินค้าและบริการ การโฆษณาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ โทรทัศน์ วิทยุ หรือแม้แต่อินเทอร์เน็ต เป็นต้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดค่าใช้จ่าย และเพื่มประสิทธิภาพขององค์กร โดยการลดบทบาทองค์ประกอบทางธุรกิจลง เช่น ทำเลที่ตั้ง อาคารประกอบการ โกดังเก็บสินค้า ห้องแสดงสินค้า รวมถึงพนักงานขาย พนักงานแนะนำสินค้า พนักงานต้อนรับลูกค้า เป็นต้น จึงลดข้อจำกัดของระยะทาง และเวลาลงได้

ครู หมายถึงผู้อบรมสั่งสอน ผู้ถ่ายทอดความรู้ ผู้สร้างสรรค์ภูมิปัญญา และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อนำไปสู่
ความเจริญรุ่งเรืองของสังคมและประเทศชาติ
ประวัติความเป็นมา
วันครูได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2500 สืบเนื่องมาจากการประกาศพระราชบัญญัติครูใน
ราชกิจจานุเบกษาเมื่อปี พ.ศ. 2488 ซึ่งระบุให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการเรียกว่า"คุรุสภา" ซึ่งมีสถานะเป็นนิติบุคคล
และให้ครูทุกคนเป็นสมาชิกคุรุสภา โดยมีหน้าที่ในเรื่องของสถาบันวิชาชีพครูในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่ให้ความเห็น
ในเรื่องนโยบายการศึกษา และวิชาการศึกษาทั่วไปแก่กระทรวงศึกษาธิการ จัดสวสัดิการให้แก่ครูและครอบครัว
ได้รับความช่วยเหลือตามสมควร ส่งเสริมความรู้และความสามัคคีของครู
ด้วยเหตุนี้ในทุกๆปี คุรุสภาจึงจัดให้มีการประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้แทนครูจากทั่วประเทศ
แถลงผลงานในรอบปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งซักถามปัญหาข้อข้องใจต่างๆเกี่ยวกับการดำเนินงานของคุรุสภา โดยมี
คณะกรรมการอำนวยการคุรุสภาเป็นผู้ตอบข้อสงสัย สถานที่ในการประชุมสมัยนั้นใช้หอประชุม"สามัคคยาจารย์"
หอประชุมของจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ในระยะหลังจึงมาใช้หอประชุมของคุรุสภา
ปี พ.ศ. 2499 ในที่ประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการ
อำนวยการคุรุสภากิตติมศักดิ์ ได้กล่าวปราศัยต่อที่ประชุมครูทั่วประเทศว่า "ที่อยากเสนอในตอนนี้ก็คือว่า เนื่องจาก
ผู้เป็นครูมีบุญคุณเป็นผู้ให้แสงสว่างในชีวิตของเราทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่า"วันครู"ควรมีสักวันหนึ่งสำหรับให้บรรดา
ลูกศิษย์ทั้งหลายได้แสดงความเคารพสักการะต่อบรรดาครูผู้มีพระคุณทั้งหลาย เพราะเหตุว่าสำหรับคนทั่วไป
ถ้าถึงวันตรุษ วันสงกรานต์ เราก็นำอัฐิของผู้มีพระคุณบังเกิดเกล้ามาทำบุญ ทำทาน คนที่สองรองลงไปก็คือ
ครูผู้เสียสละทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าในโอกาสนี้จะขอฝากที่ประชุมไว้ด้วย ลองปรึกษาหารือกันในหลักการ
ทุกคนคงจะไม่ขัดข้อง"
จากแนวความคิดนี้ กอรปกับคว่ทคอดเห็นของครูที่แสดงออกทางสื่อมวลชนและอื่นๆที่ล้วนเรียกร้องให้มี"วันครู"
เพื่อให้เป็นการรำลึกถึงความสำคัญของครูในฐานะที่เป็นผู้เสียสละ ประกอบคุณงามความดีเพื่แประโยชน์ของชาติ
และประชาชนเป็นอันมาก ในปีเดียวกันที่ประชุมคุรุสภาสามัญประจำปีจึงได้พิจารณาเรื่องนี้และมีมติเห็นควรให้มี
"วันครู" เพื่อเสนอคณะกรรมการอำนวยการต่อไป โดยได้เสนอในหลักการว่า เพื่อจะได้ประกอบพิธีระลึกถึงคุณ
บูรพาจารย์ ส่งเสริมสามัคคีธรรมระหว่างครู และเพื่อส่งเสริมความเข้าใจอีนดีระหว่างครูกับประชาชน
ในที่สุดคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2499 ให้วันที่ 16 มกราคม ของทุกปีเป็น"วันครู"
โดยถือเอาวันที่ประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2488 เป็นวันครู
และให้กระทรวงศึกษาธิการสั่งการให้นักเรียนและครูหยุดในวันดังกล่าวได้
การจัดงานวันครูได้จัดเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2500 ในส่วนกลางใช้สถานที่ของกรีฑาสถานแห่งชาติ
เป็นที่จัดงาน งานวันครูนี้ได้กำหนดเป็นหลักการให้มีอนุสรณ์งานวันครูไว้ให้แก่อนุชนรุ่นหลังทุกปี อนุสรณ์ที่สำคัญคือ
หนังสือประวัติครู หนังสือที่ระลึกวันครู และสิ่งก่อสร้างที่เป็นถาวรวัตถุ
การจัดงานวันครูได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกิจกรรมให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมตลอดเวลา ในปัจจุบัน
ได้จัดรูปแบบการจัดงานวันครูจะมีกิจกรรม 3 ประเภทใหญ่ดังนี้
1.กิจกรรมทางศาสนา
2.พิธีรำลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ ประกอบด้วยพิธีปฏิญาณตน การกล่าวคำระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์
3.กิจกรรมเพื่อความสามัคคีระหว่างผู้ประกอบอาชีพครู สา่วนมากจะเป็นการแข่งขันกีฬาหรือการจัดงานรื่นเริง
ปัจจุบันการจัดงานวันครู ได้กำหนดให้จัดพร้อมกันทั่วประเทศ สำหรับส่วนกลางจัดที่หอประชุมคุรุสภา โดยมี
คณะกรรมการจัดงานวันครูซึ่งมีปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน ประกอบด้วยบุคคลหลายอาชีพร่วมกันเป็นผู้จัด
สำหรับส่วนภูมิภาคให้จังหวัดเป็นผู้ดำเนินการ โดยตั้งคณะกรรมการจัดงานวันครูขึ้นเช่นเดียวกันกับส่วนกลาง
จะรวมกันจัดที่จังหวัดหรือแต่ละอำเภอก็ได้
รูปแบบการจัดงานในส่วนกลาง(หอประชุมคุรุสภา) พิธีจะเริ่มตั้งแต่เช้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ประธานอำนวยการคุรุสภา คณะกรรมการอำนวยการคุรุสภา คณะกรรมการจัดงานวันครู พร้อมด้วยครูอาจารย์
และประชาชนร่วมกันทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 1,000 รูป หลังจากนั้นทุกคนที่มาร่วมงานจะเข้าร่วมพิธี
ในหอประชุมคุรุสภา นายกรัฐมนตรีเดินทางมาเป็นประธานในงาน ดนตรีบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ นายกรัฐมนตรี
จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ประธานฝ่ายสงฆ์ให้ศีล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าวรายงาน
ต่อนายกรัฐมนตรี เสร็จแล้วพิธีบูชาบูรพาจารย์โดยครู"อาวุโส"นอกประจำการจะเป็นผู้กล่าวนำพิธีสวดคำฉันท์รำลึก
ถึงพระคุณบูรพาจารย์ ดังนี้
ปาเจราจริยา โหนติ คุณุตตรานุสาสกา
(วสันตดิลกฉันท์) ประพันธ์ โดยพระวรเวทย์พิสิฐ(วรเวทย์ ศิวะศรียานนท์)
ข้าขอประนมกรกระพุ่ม อภิวาทนาการ
กราบคุณอดุลคุรุประทาน หิตเทิดทวีสรร
สิ่งสมอุดมคติประพฤติ นรยึดประคองธรรม์
ครูชี้วิถีทุษอนันต์ อนุสาสน์ประภาษสอน
ให้เรืองและเปรื่องปริวิชาน นะตระการสถาพร
ท่านแจ้งแสดงนิติบวร ดนุยลอุบลสาร
โอบเอื้อและเจือคุณวิจิตร ทะนุศิษย์นิรันดร์กาล
ไป่เบื่อก็เพื่อดรุณชาญ ลุฉลาดประสาทสรรพ์
บาปบุญก็สุนทรแถลง ธุระแจงประจักษ์แจ้งครัน
เพื่อศิษย์สฤษดิ์คติจรัล มนเทิดผดุงธรรม
ปวงข้าประดานิกรศิษย์ (ษ)ยะคิดระลึกคำ
ด้วยสัตย์สะพัดกมลนำ อนุสรณ์เผดียงคุณ
โปรดอวยสุพิธพรเอนก อดิเรกเพราะแรงบุญ
ส่งเสริมเฉลิมพหุลสุน ทรศิษย์เสมอเทอญ ฯ
ปัญญาวุฒิกเรเตเต ทินโนวาเท นมามิหัง
จากนั้นประธานจัดงานวันครู จะเชิญผู้ร่วมประชุมยืนสงบนิ่ง 1 นาที เพื่อระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ที่ได้ล่วงลับไปแล้ว
ครูอาวุโสประจำการนำผู้เข้าร่วมประชุมกล่าวคำปฏิญาณดังนี้
ข้อ 1.ข้าฯจะบำเพ็ญตนให้สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นครู
ข้อ 2.ข้าฯจะตั้งใจฝึกสอนศิษย์ให้เป็นพลเมืองดีของชาติ
ข้อ 3.ข้าฯจะรักษาชื่อเสียงของคณะครูและบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม
จบแล้วพระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา นายกรัฐมนตรีมอบรางวัลครูดีเด่นประจำปี มอบของที่ระลึกให้ครูอาวุโสนอกและใน
ประจำการสุดท้ายกล่าวคำปราศัยและให้โอวาทแก่ครูที่มาประชุม
จรรยามารยาทและวินัยตามระเบียบประเพณีของครู
1.เลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขด้วยความบริสุทธิ์ใจ
2.ยึดมั่นในศาสนาที่ตนนับถือ ไม่ลบหลู่ดูหมิ่นศาสนาอื่น
3.ตั้งใจสั่งสอนศิษย์และปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เกิดผลดีด้วยความเอาใจใส่ อุทิศเวลาของตนให้แก่ศิษย์ จะละทิ้งหรือทอดทิ้ง
หน้าที่การงานไม่ได้
4.รักษาชื่อเสียงของตนมิให้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว ห้ามประพฤติการใดๆอันอาจทำให้เสื่อมเสียเกียรติและชื่อเสียงของครู
5.ถือปฏิบัติตามกฎระเบียบและแบบธรรมเนียมอันดีงามของสถานศึกษา และปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา
ซึ่งสั่งในหน้าที่การงานโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบแบบแผนของสถานศึกษา
6.ถ่ายทอดวิชาความรู้โดยไม่บิดเบือนและปิดบังอำพราง ไม่นำหรือยอมให้นำผลงานทางวิชาการของตนไปใช้ในทางทุจริต
หรือเป็นภัยต่อมนุษย์ชาติ
7.ให้เกียรติแก่ผู้อื่นทางวิชาการโดยไม่นำผลงานของผู้ใดมาแอบอ้างเป็นผลงานของตน และไม่เบียดบังใช้แรงงานหรือนำ
ผลงานของผู้อื่นไปเพื่อประโยชน์ส่วนตน
8.ประพฤติตนอยู่ในความซื่อสัตย์สุจริต และปฏิบัติหน้าที่ของตนด้วยความเที่ยงธรรม ไม่แสวงหาประโยชน์สำหรับตนเอง
หรือผู้อื่นโดยมิชอบ
9.สุภาพเรียบร้อยประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ รักษาความลับของศิษย์ ของผู้ร่วมงานและสถานศึกษา
10.รักษาความสามัคคีระหว่างครูและช่วยเหลือซึ่งกันและกันในหน้าที่การงาน
กิจกรรมวันครู


ชาวโลกกำลังเตรียมที่จะฉลองเทศกาลวันปีใหม่ 2010 โดยเตรียมนับถอยหลังส่งท้ายเก่า 2009 ด้วยการจุดพลุฉลองหรือจัดงานต่าง ๆ โดยกรุงซิดนีย์ ของออสเตรเลีย จะถือเป็นเมืองใหญ่เมืองแรกของโลก ที่จะได้เห็นวันปีใหม่ก่อนใคร โดยประชาชน 1.5 ล้านคน คาดว่าจะแห่ออกมาเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่ในบริเวณสะพานฮาร์เบอร์ ในกรุงซิดนีย์ ซึ่งจะมีการจัดพลุไฮเทค ส่วนที่ประเทศนิวซีแลนพ์ ตามเมืองใหญ่ ๆ ก็จะมีการจัดปาร์ตี้เต้นรำ,งานแสดงดนตรี และการจุดพลุเฉลิมฉลอง ด้วย


เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. เอเอฟพีรายงานบรรยากาศนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ในประเทศต่างๆ เริ่มจากภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ที่นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ทำสถิติมีผู้มาชมการจุดดอกไม้ไฟตระการตาที่อ่าวซิดนีย์และโอเปร่า เฮาส์ สูงถึง 1.5 ล้านคน ขณะที่ผู้จัดทุ่มทุนโชว์ดอกไม้ไฟตระการตาถึง 120 ล้านบาท และสูงกว่าปีที่ผ่านมา โดยดอกไม้ไฟในปีนี้มีชื่อชุดว่า “ครีเอชั่น สตอร์ม” เป็นแบบฟ้าร้อง ฟ้าผ่า พายุฝน รวมกันกว่า 5,000 กิโลกรัม


สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ว่า หลายประเทศกำลังเริ่มเฉลิมฉลองเทศกาล ปีใหม่ 2010 โดยประเทศออสเตรเลีย เริ่มเข้าสู่วันที่ 1 ม.ค.?แล้ว และได้จุดพลุฉลองอย่างยิ่งใหญ่ เหนือสะพานข้ามแม่น้ำ? และ โรงละครซิดนีย์ โดยมีประชาชน และนักท่องเที่ยว มากกว่า 1.5 ล้านคน ได้ร่วมชม ซึ่งบริเวณแถบแปซิฟิกใต้จะเริ่มเข้าสู่ปีใหม่เป็นแห่งแรก
นอกจากนี้ ในวันปีใหม่ปีนี้ จะได้เห็นปรากฏการณ์จันทรุปราคา ซึ่งสามารถเห็นได้ทั้งในเอเชีย และออสเตรเลีย

ลักษณะภูมิประเทศ
ภาคเหนือมีลักษณะภูมิประเทศที่พื้นที่เป็นภูเขามากกว่าทุกภาค ซึ่งเป็นร้อยละ 78 ของพื้นที่ทั้งหมดในภาคเหนือ
สามารถแบ่งเขตภูมิลักษณ์ได้ 3 เขต
1.เขตทิวเขาและภูเขา
2.เขตที่ราบและหุบเขา
3.เขตแอ่งที่ราบ
ลักษณะภูมิประเทศทิวเขาและภูเขา
ทิวเขาแดนลาว
เป็นทิวเขาทอดตัวยาวอยู่แนวตะวันตก-ตะวันออก กันพรมแดน ระหว่างไทยกับพม่า รวมความยาว 250 กิโลเมตร ยอดทิวเขาสำคัญ ดอยตุง สูง 1356 เมตร ดอยผ้าห่มปก 1456 สูง เมตร และ ดอยอ่าวขาง สูง 1918 เมตร เป็นที่กำเนิดแม่น้ำปิง
ทิวเขาถนนธงชัย
เป็นทิวเขาอยู่ทางทิศตะวันตก ทอดตัวยาวเหนือมาใต้ แนวระหว่าง ไทยกับพม่า วางตัวทอดลงมาในเขตแม่ฮ่องสอนและเชียงใหม่ มียอดเขา สูงสุดคือ ดอยดิอินทนนท์ สูง 2580 เมตร
ทิวเขาผีปันน้ำ
เป็นทิวเขาที่ที่แบ่งน้ำเป็น2ทิศคือไหลสู่ทิศเหนือสู่แม่น้ำโขงทิศใต้ไหล สู่แม่น้ำปิง วัง ยม น่านมีความยาวทั้งหมด 475 กิโลเมตร มียอดเขาคือดอย แม่โถ สูง 1767 เมตร และดอยขุนตาล สูง 1348 เมตร
ทิวเขาหลวงพระบาง
เป็นทิวเขาที่ตั้งอยู่ด้านตะวันออกของภาคเหนือ เป็น พรมแดนกั้นไทยกับลาว มีความยาวทั้งหมด 50 5เมตร มียอด เขาสูงสุดคือภูเมียงอยู่ในประเทศลาว เป็นต้นกำเนิดแม่น้ำน่าน
ลักษณะภูมิประเทศที่ราบและหุบเขา
ที่ราบแม่น้ำปิง
เป็นแหล่งเพาะปลูกที่สำคัญของภาคเหนือ อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน
ที่ราบแม่น้ำวัง
เป็นแหล่งเพาะปลูกที่สำคัญอีกแล่งหนึ่งของาคเหนือ อยู่ในจังหวัดลำปาง
ที่ราบแม่น้ำยม
เป็นอยู่ระหว่างทิวเขาผีปันน้ำ ในจังหวัดแพร่
ทีราบแม่น้ำน่าน
เป็นแล่งการเกษตรที่สำคัญของจังหวัดในภาคเหนือ คือจังหวัดน่านและอุตรดิตถ์
ที่ราบแม่น้ำยวน
เป็นแม่น้ำสายสั้นๆ อยู่ในเขตอำเภอขุนยวนอำเภอลาน้อย อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ที่ราบแม่น้ำกก
เป็นราบลุ่มแคบๆ อยู่ในเขตอำเภอแม่อายจังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอ เมืองเชียงราย อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย
ที่ราบแม่น้ำอิง
อยู่ติดกับที่รายแม่น้ำกก อยู่ในเขตอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย อำเภอเทิง จังหวัด แม่ฮ่องสอน
ที่ราบแม่เมย
เป็นเส้นพรมแดนก้นระหว่างไทยกับพม่า เป็นที่ราบแคบ เป็นที่ราบแคบๆในเขต อำเภอแม่สะเพียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ที่ราบลุ่มแม่น้ำที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขง
เป็นที่ราบแคบ อยู่ในจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่
ลักษณะภูมิประเทศแอ่งที่ราบ
แอ่งแม่น้ำแจ่ม
เป็นแหล่งที่ราบขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในอำเภอแม่แจ่ม
แอ่งแม่น้ำตื่น
เป็นที่ราบส่วนอยู่ส่วนใต้ของทิวเขาถนนธงชัยในจังหวัด เชียงใหม่ อำเภออมก๋อย
แอ่งน้ำฝาง
เป็นที่ราบส่วนอยู่ส่วนใต้ของทิวเขาถนนธงชัยและด้านทิศ ตะวันตกทิวเขาผีปันน้ำ
แอ่งแม่งัด
เป็นที่ราบที่มีดินอุดมสมบูรณ์มาก ตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่
แอ่งลำปาง
เป็นที่รายที่ยาวที่สุดของภาคเหนือ ตั้งอยู่ใหจังหวัดลำปาง
ภาคเหนือ
มีภาษาพูดและภาษาเขียนเป็นของตนเอง หรือที่เรียกว่า “คำเมือง” จะใช้กันแพร่หลายในภาคเหนือตอนบน ส่วยภาคเหนือตอนล่างเคยอยู่ร่วมกับสุโขทัย อยุธยาทำให้ประเพณี และวัฒนธรรมมีลักษณะคล้ายกับภาคกลาง ภาษาพูดจะมีลักษณะช้าและนุ่มนวล เช่น อู้ (พูด) เจ้า (ค่ะ) แอ่ว (เที่ยว) กิ๊ดฮอด (คิดถึง) การแต่งกายภาคเหนือ ชาวพื้นเมืองจะแต่งกายตามเชื้อชาติโดยทั่วไป
ลักษณะการแต่งกายของคนภาคเหนือ
มีภาษาพูดและภาษาเขียนเป็นของตนเอง หรือที่เรียกว่า “คำเมือง” จะใช้กันแพร่หลายในภาคเหนือตอนบน ส่วยภาคเหนือตอนล่างเคยอยู่ร่วมกับสุโขทัย อยุธยาทำให้ประเพณี และวัฒนธรรมมีลักษณะคล้ายกับภาคกลาง ภาษาพูดจะมีลักษณะช้าและนุ่มนวล เช่น อู้ (พูด) เจ้า (ค่ะ) แอ่ว (เที่ยว) กิ๊ดฮอด (คิดถึง) การแต่งกายภาคเหนือ ชาวพื้นเมืองจะแต่งกายตามเชื้อชาติโดยทั่วไป
ลักษณะการแต่งกายของคนภาคเหนือ
การแต่งกาย
เป็นสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่ง ที่บ่งบอกเอกลักษณ์ของคนแต่ละพื้นถิ่น สำหรับในเขตภาคเหนือหรือดินแดนล้านนาในอดีต ปัจจุบันการแต่งกายแบบพื้นเมืองได้รับความสนใจมากขึ้น แต่เนื่องจากในท้องถิ่นนี้มีผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์อาศัยอยู่ เช่น ไทยวน ไทลื้อ ไทเขิน ไทใหญ่ และอิทธิพลจากละครโทรทัศน์ ทำให้การแต่งกายแบบพื้นเมืองมีความสับสนเกิดขึ้น ดังนั้นคณะทำงานทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม กลุ่มสถาบันอุดมศึกษาภาคเหนือ จึงได้ระบุข้อไม่ควรกระทำในการแต่งกายชุดพื้นเมือง ของ “แม่ญิงล้านนา” เอาไว้ว่า
1.ไม่ควรใช้ผ้าโพกศีรษะ ในกรณีที่ไม่ใช่ชุดแบบไทลื้อ
2. ไม่ควรเสียบดอกไม้ไหวจนเต็มศีรษะ
3. ไม่ควรใช้ผ้าพาดบ่าลากหางยาว หรือคาดเข็มขัดทับ และผ้าพาดที่ประยุกต์มาจาก ผ้าตีนซิ่นและผ้า “ตุง” ไม่ควรนำมาพาด
4. ตัวซิ่นลายทางตั้งเป็นซิ่นแบบลาว ไม่ควรนำมาต่อกับตีนจกไทยวน
ประเพณีไหว้พระธาตุดอยตุงเชียงราย


ประเพณีไหว้พระธาตุดอยตุงเชียงราย
ช่วงเวลา วันเพ็ญเดือน ๖ เหนือ (เดือน ๔ ไทยกลาง) หลังวันมาฆบูชา ๑ เดือนความสำคัญพระธาตุดอยตุง เป็นปูชนียสถานเก่าแก่ของชาวพุทธในเชียงราย และจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้ง ชาวพุทธในรัฐเชียงตุง ประเทศพม่า และในประเทศลาว การไหว้พระธาตุดอยตุงเชื่อว่าจะทำให้ชีวิตดีขึ้นพิธีกรรมในวันเพ็ญเดือน ๖ พุทธมามะกะจากทุกทิศ จะเดินทางขึ้นไปบนยอดดอยตุง ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย กิจกรรมในวันนั้น ภาคกลางวันมีการบูชาพระรัตนตรัย รับศีล และฟังเทศน์ กลางคืนมีการเวียนเทียนรอบองค์พระธาตุ ในอดีต ผู้ที่เดินทางมักเดินจากเชิงเขาที่บ้านห้วยไคร้ อำเภอแม่สายขึ้นไปเป็นระยะทางประมาณ ๙ กิโลเมตร ปัจจุบันนี้ นิยมเดินทางด้วยรถยนต์ตามถนนลาดยางที่แยกจากถนนพหลโยธินที่บ้านสันกอง อำเภอแม่จัน ส่วนผู้ที่นิยมเดินขึ้นเหลือน้อยลง เพราะถนนสำหรับรถยนต์ได้ทับเส้นทางเดินเท้าหลายแห่งสาระประเพณีของชาวพุทธมีการสมาทานศีลและการฟังเทศน์เป็นหลัก ซึ่งเป็นไปเพื่อชำระจิตใจให้ปราศจากกิเลส และฝักใฝ่ทางกุศล การเดินทางขึ้นไปบนยอดดอยตุงแสดงให้เห็นศรัทธา ความเพียร และความอดทน

อำเภอ แม่เมาะเป็นอำเภอหนึ่งที่มีชนพื้นเมือง (คนเมือง) ซึ่งเป็นชนกลุ่มใหญ่อาศัยอยู่โดยทั่วไปโดยจะมีภาษาถิ่นคือภาษาคำเมืองล้านนา เป็นภาษาแม่ที่ใช้ในการสื่อสารซึ่งสำเนียงการพูด ขนบธรรมเนียมประเพณีคล้ายคลึงกันตามบรรพบุรุษของชาวล้านนาที่มีลักษณะนิสัย โอบอ้อมอารี พูดจาไพเราะอ่อนหวาน มักต้อนรับชาวต่างถิ่นด้วยอัธยาศัยไมตรีอันดียิ่ง บ้านเรือนส่วนใหญ่สร้างด้วยไม้ ใต้ถุนสูง มียุ้งข้าวและบ่อน้ำบริเวณบ้าน ปลูกพักสวนครัวหลังบ้าน มีสวนดอกไม้และไม้ผลในบริเวณบ้าน ใช้ชีวิตเรียบง่ายมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันผู้น้อยเคารพเชื่อฟังผู้ อาวุโสกว่า นอกเหนือจากคนเมืองแล้วอำเภอแม่เมาะยังมีคนต่างถิ่นที่เข้ามาทำมาหากินตั้ง รกรากอยู่อาศัยผสมกลมกลืนกัน โดยเฉพาะในเขตชมชนเมืองใหม่ที่ทางการไฟ้ฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยอำเภอแม่ เมาะได้จัดสรรให้สองฝั่งของถนนสายแม่เมาะ เข้าสู่ตัวเมืองลำปางโดยตัวเมืองใหม่มีลักษณะสวยงาม เป็นระเบียบ เรียบร้อย เป็นศูนย์รวมของส่วนราชการตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกทางด้านสาธารณูปโภคทัน สมัยไม่แพ้ในตัวเมืองลำปางและอำเภออื่น ๆนอกจากชนพื้นเมืองเหนือแล้วอำเภอแม่เมาะยังมีชนเผ่าพื้นเมือง(ชาวเขา)และ ชาวอีสานอาศัยอยู่ในหลายหมู่บ้านโดยเฉพาะในเขตตำบลบ้านดง และตำบลจางเหนือ
เครื่องปรุง
บะหมี่เหลือง 1 - 2 ถุง ซีอิ๊วดำ 2 ช้อนโต๊ะ
สะโพกไก่หรือเนื้อวัว 10 ชิ้น น้ำมันสำหรับทอดพอประมาณ
มะพร้าวขูด 1 1/2 กิโลกรัม พริกป่นผัดในน้ำมันพอประมาณ
เกลือป่น 1 - 2ช้อนโต๊ะ มะนาวพอประมาณ
ซีอิ๊วขาว 1 ถ้วยตวง
เครื่องปรุงของเครื่องแกง
พริกแห้งคั่ว 7 เม็ด ลูกผักชี1/4ถ้วยตวง
หอมแดงคั่ว 3/4 ถ้วยตวง ชะโกแกะเปลือกใช้เมล็ดคั่วให้หอม 9ลูก
ขิงซอยคั่ว 1/4 ถ้วยตวง เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
ขมิ้นซอยคั่ว 3 ช้อนโต๊ะ
หมายเหตุ : โขลกเครื่องแกงทั้งหมดรวมกันให้ละเอียด
เครื่องปรุงผักดอง
ผักกาดดองเฉพาะก้าน 1กิโลกรัม เกลือป่น 2 ช้อนโต๊ะ
หอมแดงหั่นสี่เหลี่ยม 5 ขีด น้ำสัมสายชู 3ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วยตวง
หมายเหตุ : ผสมน้ำตาล เกลือ น้ำสัมสายชู เข้าด้วยกัน ตั้งไฟให้น้ำตาลละลาย ยกลงปล่อยให้อุ่น ใส่ผักกาดดอง หอมแดง หมักทิ้งไว้ 1 คืน
วิธีทำ
1. ล้างไก่หรือเนื้อให้สะอาด สับเป็นชิ้น พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2. คั้นมะพร้าว ใช้หัวกะทิ 7 ถ้วยตวง หางกะทิ 18 ถ้วยตวง
3. ใส่หางกะทิลงในหม้อต้ม จากนั้นใส่เกลือลงไป 3 ช้อนชา ตั้งไฟอ่อน ๆ พอเดือดแล้วใส่ไก่ลงไป จากนั้นลดไฟลง เคี่ยวกะทิให้แตกมัน และให้เนื้อไก่สุกนุ่ม
4. ใส่หัวกะทิ 1 ถ้วยตวงลงในกระทะ ผัดให้แตกมันเล็กน้อย ใส่เครื่องแกง ผัดให้หอม ตักใส่หม้อต้มไก่ แล้วคนให้เข้ากัน
5. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ ใส่หัวกะทิ ชิมรสชาติดู หากจืดเกินไปให้ใส่เกลือที่เหลือ เคี่ยวต่อไปจนเดือดอีกครั้ง แล้วปิดไฟ ยกลง
6. ใส่น้ำมันลงในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใช้ไฟกลางๆ ค่อนข้างอ่อน แบ่งบะหมี่ลงทอดทีละน้อยให้กรอบเหลือง ทอดราว 7 - 8 ก้อน แล้วตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน เก็บไว้อย่าให้โดนลม เพราะจะหายกรอบ
วิธีเสิร์ฟ
นำบะหมี่ 1 - 2 ก้อน ใส่ชาม ตักน้ำแกงราดประมาณ 1 ถ้วยตวง โรยหน้าด้วยบะหมี่ทอด เสิร์ฟพร้อมกับผักกาดดอง มะนาว และพริกป่นผัดในน้ำมัน
อาชีพ
ชาวเหนือส่วนใหญ่มีอาชีพทำนา ทำไร่ การทำนาส่วนใหญ่จะเป็นนาดำ ที่ลุ่มมาก ๆ จึงทำนาหว่าน คนเหนือปลูกข้าวเหนียวกันเป็นส่วนใหญ่ เพราะบริโภคข้าวเหนียว ข้าวเหนียวภาคเหนือถือเป็นข้าวที่มีคุณภาพดี นึ่งสุกแล้วขาวสะอาด อ่อนและนิ่มน่ารับประทาน ข้าวพันธ์ที่มีชื่อเสียง คือ ข้าวสันป่าตอง นอกจากทำนาแล้วยังปลูกพืชไร่อื่น ๆ เช่น หอม กระเทียม ถั่ว ยาสูบ เป็นต้น นอกจากปลูกข้าวแล้ว อาชีพทำสวนก็เป็นที่นิยมกัน โดยเฉพาะทำสวนลำไย และลิ้นจี่ นอกจากจะขายให้คนไทยได้รับประทานแล้ว ยังส่งขายต่างประเทศอีกด้วย
ยังมีอาชีพอีกอย่างหนึ่งซึ่งเป็นวัฒนธรรมของชาวเหนือ คือ การทำเมี่ยง ชาวเหนือชอบกินหมากและอมเมี่ยง โดยเอาใบเมียงที่เป็นส่วนใบอ่อนมาหมักให้มีรสเปรี้ยวอมฝาด เมื่อหมักนานได้ที่ เวลาจะเอาใบเมี่ยงมาอม ก็ผสมเกลือเม็ดหรือของกินอย่างอื่นแล้วแต่ชอบ
นอกจากการอมเมี่ยง คนล้านนาทั้งหญิงและชายจะสูบบุหรี่ที่มวนด้วยใบตองกล้วย มวนหนึ่งขนาดเท่านิ้วมือ และยาวเกือบคืบ ชาวบ้านเรียกบุหรี่ชนิดนี้ว่า “ขี้โย” หรือ “บุหรี่ขี้โย” ที่นิยมสูบกันมากอาจเนื่องมาจากอากาศหนาวเย็น การสูบบุหรี่คงทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น
นอกจากอาชีพเกษตรกรรม ชาวเหนือยังประกอบอาชีพอื่น อาจเรียกได้ว่าเป็นหัตถกรรมหรืออุตสาหกรรมในครัวเรือนก็ได้ คือ ผู้หญิงจะทอผ้าเมื่อเสร็จจากการทำนา นอกจากนั้นยังมีการแกะสลัก การทำเครื่องเงิน เครื่องเขิน และการทำเครื่องเหล็ก เป็นต้น























